17/9/54

ส่งBorder Trade

Border  Trade


คำศัพท์
ความหมาย
(Counter Trade)
การทำสัญญาค้าขายระหว่างกัน
การตกลงซื้อขายสินค้าระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายโดยวิธีอื่นๆ ที่ไม่ใช้เงินมาเกี่ยวข้อง เช่น การแลกเปลี่ยนสินค้า การหักล้างสินค้ากัน โดยปกติมักนิยมใช้ในการค้าระหว่างประเทศของประเทศด้อยพัฒนา เพราะมีปัญหาในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน ค่าของเงินไม่แน่นอน







Drawback
ข้อเสียเปรียบในกฎหมายในการค้า , การจ่ายเงินกลับหน้าที่จ่ายเงินก่อนหน้านี้ในการส่งออกที่ต้องเสียภาษีหรือบทความเกี่ยวกับสินค้าจากต่างประเทศอีกครั้งการส่งออก
                  วัตถุของข้อเสียเปรียบ   คือ  การปล่อยให้สินค้าที่อาจมีการจัดเก็บภาษีส่งออกและจำหน่ายในต่างประเทศตามเงื่อนไขเช่นเดียวกับสินค้าจากประเทศที่พวกเขาจะไม่ต้องเสียภาษี ซึ่งแตกต่างจากความโปรดปรานในการที่โปรดปรานจะช่วยให้สินค้าที่จะขายในต่างประเทศที่ต่ำกว่าราคาต้นทุนของพวกเขาก็อาจจะเกิดขึ้น แต่อยู่ภายใต้เงื่อนไขบางอย่างที่ทำให้เสียเปรียบมีผลเท่ากับว่าของโปรดปรานเช่นในกรณีของ ที่เรียกว่าโปรดปรานน้ำตาลในเยอรมนี (ดูน้ำตาล ) ก่อนหน้านี้อัตราภาษีที่มีตารางที่ซับซ้อนของเสียได้รับอนุญาตในการส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์หรือ re - การส่งออก แต่เท่าที่สหราชอาณาจักรเป็นห่วง (ณ1911) ระบบของการคลังสินค้าถูกผูกมัดข้อบกพร่องยกเลิกจวนเป็นสินค้าที่สามารถwarehoused (วางไว้ในพันธบัตร ) จนกว่าจะจำเป็นสำหรับการส่งออก
Foreign market value (FMV)
มูลค่าตลาดต่างประเทศ





Consumer durables
คงทนของผู้บริโภค  คือ ในเศรษฐศาสตร์มีความทนทานดีหรือยากดีเป็นดีที่ไม่ได้สวมใส่ได้อย่างรวดเร็วออกหรือมากขึ้นโดยเฉพาะอย่างใดอย่างหนึ่งที่ทำให้สาธารณูปโภคในช่วงเวลาแทนที่จะสมบูรณ์บริโภคในการใช้งาน รายการเช่นอิฐหรือเครื่องประดับที่อาจจะพิจารณาสินค้าคงทนที่ดีที่สุดเพราะพวกเขาควรจะในทางทฤษฎีไม่เคยใส่ออก สินค้าคงทนสูงเช่นตู้เย็น , รถยนต์ , หรือโทรศัพท์มือถือมักจะดำเนินการต่อไปจะมีประโยชน์สำหรับสามปีหรือมากกว่าในการใช้งาน[ 1 ]ดังนั้นสินค้าคงทนมีลักษณะโดยทั่วไปเป็นระยะเวลานานระหว่างการสั่งซื้อต่อเนื่อง
     ตัวอย่างของสินค้าคงทนของผู้บริโภครวมถึงรถยนต์ของใช้ในครัวเรือน ( เครื่องใช้ในบ้าน , อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภค , เฟอร์นิเจอร์ ,ฯลฯ )อุปกรณ์กีฬาและของเล่น


Black market
ตลาดมืด คือการค้าสินค้าและบริการที่ผิดกฎหมายในตัวเองและ / หรือกระจายผ่านทางช่องทางที่ผิดกฎหมายเช่นการขายของสินค้าที่ถูกขโมยยาเสพติดบางอย่างหรือปืนที่ไม่ได้จดทะเบียน สองประเภทหลักของตลาดสีเทาจะถูกนำเข้าสินค้าที่ผลิตที่ปกติจะใช้งานไม่ได้หรือแพงขึ้นในบางประเทศและหลักทรัพย์ unissued ที่ไม่ได้มีการซื้อขายในตลาดยังอย่างเป็นทางการ บางครั้งคำว่าตลาดที่มืดใช้เพื่ออธิบายความลับ,อลหม่าน (แต่มักจะถูกต้องตามกฎหมายในทางเทคนิค) ในการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์น้ำมันดิบโดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี2008 [ 3 ]นี้จะถือว่าเป็นชนิดที่สามของ"ตลาดสีเทา"เนื่องจากมันถูกต้องตามกฎหมายยัง ระเบียบและอาจจะไม่ได้มีวัตถุประสงค์หรือผู้มีอำนาจอย่างชัดเจนโดยผู้ผลิตน้ำมัน



Gray market goods
        การตลาดสีเทา    คือ   ตลาดสีเทาหรือตลาดสีเทายังเป็นที่รู้จักในตลาดขนาน[
                 1 ] คือการค้าของสินค้าผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายซึ่งในขณะที่กฎหมายเป็นทางการได้รับอนุญาตหรือไม่ได้ตั้งใจโดยผู้ผลิตเดิม ระยะที่เศรษฐกิจสีเทาแต่หมายถึงคนงานการจ่ายเงินใต้โต๊ะโดยไม่ต้องจ่ายภาษีรายได้หรือส่วนร่วมในการบริการสาธารณะเช่นประกันสังคมและ Medicare
                  2 ] มันเป็นบางครั้งเรียกว่าเป็นเศรษฐกิจใต้ดินหรือ"เศรษฐกิจซ่อน."







Re-export
เป็นสินค้าที่ต้องนำเข้ามาแล้วและไม่ได้ผ่านกระบวนการผลิตหรือการเปลี่ยนแปลงรูปร่างหรือลักษณะใดเพิ่มเติม หรือของที่นำเข้ามาเพื่อเป็นของใช้สิ้นเปลืองสำหรบยานพาหนะที่เดินทางไปต่างประเทศ เช่นน้ำมัน หรือภาชนะที่พ่วงมากับสินค้านำเข้าและต้องส่งกลับประเทศที่ส่งออกมา
โดยปกติ แล้วสินค้านำเข้ามาในประเทศจะถูกจัดเก็บภาษี แต่ถ้าเป็นสินค้าประเภท Re-Export ซึ่งถือว่าเป็นสินค้านำเข้าเช่นกันแต่มีเงื่อนไขแตกต่างกันคือ ถูกส่งออกอีกครั้งนั้น จะมีวิธีการเก็บภาษีอากรแตกต่างกันไป ก่อนอื่นขอกล่าวถึง รูปแบบการเข้ามาของสินค้า Re-Export ว่ามีอยู่ 2แบบ ดังนี้
                1.แบบในอารักขาของกรมศุลกากร คือ สินค้านำเข้ามาแล้วยังอยู่ในการดูแลของกรมศุลกากร และเมื่อสินค้าหรือของนั้นเข้ามา ผู้นำเข้าพร้อมทำเรื่องแจ้งนำเข้า และส่งออกในเวลาเดียวกัน สินค้า Re-Export แบบนี้จะต้องชำระภาษีอากรไม่เกินราคา 1 ใน 10 โดยคำนวณตามใบขนสินค้าขาออกแต่ละฉบับ (Invoice)แต่ไม่เกิน 1,000 บาท
                2.แบบนอกอารักขาของกรมศุลกากร คือ เมื่อสินค้าเข้ามาใน
ประเทศก็ชำระภาษีอากรนำเข้าตามปกติแล้ว ต่อมาส่งของนั้นทั้งหมดหรือบางส่วนไปต่างประเทศ และสามารถมายื่นเรื่องขอคืนภาษีอากรนำเข้าตามอัตราส่วนสินค้านำเข้าที่ส่งออกต่อไป
                การทำ Re-Export สำหรับในกรณีที่ 2 นี้ ต้องอยู่ในข้อบังคับด้วยว่าส่งออกสินค้าหรือวัสดุนั้นไปภายในหนึ่งปีนับแต่วันนำเข้าและต้องขอคืนอากรภายในหกเดือนนับแต่วันที่ส่งของนั้นออกไป ตามมาตรา 19 สำหรับสินค้า Re-Export ตามพระราชบัญญัติศุลกากร


Agribusiness
                ธุรกิจการเกษตร  คือ  หมายถึง  กระบวนการทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสาขาเกษตรและสาขาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง  ซึ่งครอบคลุมถึงการผลิตพืช  การเลี้ยงสัตว์  การเพาะเลี้ยงสัตว์และจับสัตว์น้ำ รวมทั้งการผลิตปัจจัยการผลิตธุรกิจการรวบรวมสินค้าจากเกษตรกร  การแปรรูป การขายปลีก  การขายส่ง  การเก็บรักษา  การขนส่งสินค้าไปสู่ผู้บริโภค และผู้ใช้ภายในประเทศและต่างประเทศ  และรวมถึงสินเชื่อ



Delivered at frontier
        คำที่ใช้ในการค้าระหว่างประเทศเช่นการส่งมอบที่ชายแดนเค้าร่างที่ความเสี่ยงและค่าใช้จ่ายในการขนส่งของสินค้าที่อยู่ภายใต้การทำธุรกรรมระหว่างประเทศ ความหลากหลายของเงื่อนไขที่มีอยู่สำหรับวิธีการต่างๆของการขนส่ง ส่งที่ชายแดนมักใช้เมื่อใช้การขนส่งภาคพื้นดินเช่นรถบรรทุกหรือรถไฟที่จะจัดหาสินค้าที่เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องตระหนักว่าเพราะนี้เป็นคำทางกฎหมายความหมายที่แท้จริงของมันคือความซับซ้อนมากขึ้นและแตกต่างกันไปตามประเทศ มันจะแนะนำให้คุณติดต่อทนายความการค้าระหว่างประเทศก่อนที่จะใช้ระยะเวลาการค้าใด ๆ



Import quota
โควต้านำเข้าเป็นประเภทของการกีดกัน ทางการค้าข้อ จำกัดที่กำหนดขีด จำกัด ทางกายภาพเกี่ยวกับปริมาณของที่ดีที่สามารถนำเข้ามาในประเทศในช่วงเวลาที่กำหนด[ 1 ]โควต้าเช่นเดียวกับข้อ จำกัด ทางการค้าอื่น ๆ จะถูกใช้เพื่อผลประโยชน์ ผู้ผลิตที่ดีในเศรษฐกิจภายในประเทศที่ค่าใช้จ่ายของผู้บริโภคทั้งหมดของดีในทางเศรษฐกิจที่
โควต้านักวิจารณ์กล่าวมักนำไปสู่​​ความเสียหาย (สินบนที่จะได้รับการจัดสรรโควต้า)การลักลอบขน (circumventing โควต้า) และราคาที่สูงขึ้นสำหรับผู้บริโภค
                ในทางเศรษฐศาสตร์โควต้ามีความคิดที่จะน้อยกว่าทางเศรษฐกิจที่มีประสิทธิภาพกว่าภาษีซึ่งจะมีการเศรษฐกิจที่มีประสิทธิภาพน้อยกว่าการค้าเสรี .


Embargo
      การห้ามส่งสินค้า คือ  การห้ามไม่ให้ประเทศใดประเทศหนึ่งทำการติดต่อค้าขายโดยการส่งสินค้าไปขายหรือสั่งซื้อสินค้า  โดยถือว่าประเทศนั้นเป็นศัตรูของตน  คำสั่งห้ามส่งสินค้านี้ส่วนใหญ่จะใช้ในภาวะของสงครามและการกระทำกับประเทศคู่สงครามและการกระทำกับประเทศคู่สงครามหรือบางครั้งมีคำสั่งในช่วงภาวะปกติไม่ใช่สงคราม  เป็นภาวะชั่วคราวปกติไม่ใช่สงคราม  เป็นภาวะชั่วคราวของการกีดกันทางการค้าเพื่อหวังผลกดดันทางการเมือง



Foreign direct investment (FDI)
การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ ( FDI ) หรือการลงทุนต่างประเทศหมายถึงเงินทุนไหลเข้าสุทธิจากการลงทุนที่จะได้รับความสนใจการจัดการที่ยั่งยืน (ร้อยละ 10 หรือมากกว่าของหุ้นที่มีสิทธิออกเสียง) ในการดำเนินงานขององค์กรในทางเศรษฐกิจอื่น ๆ กว่าที่ของผู้ลงทุน[ 1 ]มันเป็น ผลรวมของทุนการลงทุนใหม่ของรายได้ของเงินทุนระยะยาวอื่นและเงินทุนระยะสั้นตามที่แสดงในที่สมดุลของการชำระเงิน . มันมักจะเกี่ยวข้องกับการมีส่วนร่วมในการจัดการ , ร่วมทุน , การถ่ายโอนเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญ . ขาเข้าโดยตรงจากต่างประเทศมีสองประเภทของการลงทุนโดยตรงจะมีการลงทุนและขาออกการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศส่งผลให้กำไรสุทธิ FDI ที่ไหลเข้ามา (บวกหรือลบ) และ"สต็อกของการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ"ซึ่งเป็นจำนวนที่สะสมสำหรับช่วงเวลาที่กำหนด ไม่รวมการลงทุนโดยตรงจากการลงทุนผ่านการซื้อหุ้น . [ 2 ] FDI เป็นตัวอย่างหนึ่งของการเคลื่อนย้าย


Consumer goods
สินค้าเพื่อบริโภค  คือ สินค้าหรือบริการที่ผู้ซื้อซื้อไปเพื่อการอุปโภคบริโภคเองในครอบครัว  เพื่อตอบสนองความต้องการหรือสร้างความพึงพอใจแก่ตนเองหรือสามาชิกในครอบครัว  แตกต่างจากสินค้าเพื่ออุตสาหกรรม (Industrial  Good ) ที่ผู้ซื้อ ซื้อไปใช้งานภายในองค์กร หรือซื้อไปใช้ในกระบวนการผลิตสินค้าหรือบริการ  แล้วนำออกมาขายเพื่อแสวงหากำไร 



Import licence
ใบอนุญาตนำเข้าเป็นเอกสารที่ออกโดยรัฐบาลแห่งชาติอนุญาตการนำเข้าสินค้าบางอย่างลงในอาณาเขตของตน ใบอนุญาตนำเข้าจะถือว่าเป็นอุปสรรคที่ไม่ใช่ภาษีการค้าเมื่อนำมาใช้เป็นวิธีการเลือกปฏิบัติต่อสินค้าของประเทศอื่นเพื่อที่จะปกป้องอุตสาหกรรมภายในประเทศจากการแข่งขันต่างประเทศ ใบอนุญาตแต่ละระบุปริมาณการนำเข้าที่ได้รับอนุญาตและการอนุญาตให้ใช้ปริมาณทั้งหมดไม่ควรเกินโควต้า . ใบอนุญาตสามารถขายให้กับ บริษัท นำเข้าในราคาที่แข่งขันหรือเพียงแค่ค่าใช้จ่าย แต่ก็เป็นที่ถกเถียงกันว่าวิธีการจัดสรรให้แรงจูงใจในการวิ่งเต้นทางการเมืองและการติดสินบน รัฐบาลอาจจะใส่ข้อ จำกัด บางประการเกี่ยวกับสิ่งที่จะนำเข้าเช่นเดียวกับจำนวนของสินค้าที่นำเข้าและ services.Eg หากธุรกิจมีความประสงค์จะนำเข้าสินค้าทางการเกษตรเช่นผักแล้วรัฐบาลอาจจะกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของการนำเข้าดังกล่าวของตลาดในประเทศและ จึงนำข้อ จำกัด

Primary commodity

สิ่งใดๆ  ที่สามารถนำเสนอขายให้แก่ตลาดเพื่อให้เกิดความพอใจ ความต้องการเป็นของเจ้าของ  เรียกให้มีการซื้อ  การใช้  หรือการบริโภค  ซึ่งเป็นสิ่งที่ (อาจจะ) ตอบสนองความต้องการและความจำเป็นของผู้ซื้อให้ได้รับความพอใจ

อ้างอิง

ส่ง containerization

containerization


คำศัพท์
ความหมาย
Bulk Cargo
สินค้าเทกอง คือสินค้าที่ขนส่งคราวละมากๆ โดยไม่มีภาชนะบรรจุสินค้า ใช้วิธีขนส่งโดยเทสินค้าลงในระวางเรือใหญ่ เช่น ปุ๋ย มันสำปะหลัง น้ำตาล ถ่านหิน
Claused bill 
การเรียกเก็บเงิน   ใบตราส่งชนิดที่มีเงื่อนไข ซึ่งทางบริษัทเรือจะออกให้ตามคำบันทึกของกัปตันเรือ
Charter
(N)กฎบัตร  เอกสารทางการ  สัญญาเช่า ธรรมนูญ กฎหมาย ใบอนุญาตกรรมสิทธิ์ สิทธิพิเศษ
(V)  เช่า  เหมา
Broken Stowage
พื้นที่ๆสูญเสียไปจากการจัดเรียง o Lashing –การที่นำเชือกมายึดCargo ไว้เพื่อไม่ให้สินค้าหล่น เป็นการ Secure สินค้า.
ship broker 
ผู้แทนของบริษัทเดินเรือนายหน้าซื้อขายเรือผู้ทำการประกันภัยทางทะเล
Belly cargo
การขนส่งทางช่อง
back freight 
การส่งคืนสินค้ากลับต้นทาง
Ship’s master 
ต้นแบบของเรือ
Partial shipment  
การจัดส่งสินค้าบางส่วน
Cargo carrier   
ผู้ให้บริการขนส่งสินค้า
Dangerous goods 
สินค้าอันตรา
Demurrage 
การจอดเรือเกินกำหนด เก็บค่าจอดเกินเวลา
Less than container load(LCL)
      ตู้สินค้าที่บรรจุสินค้าที่มีผู้ส่งและ/หรือผู้รับหลายรายในตู้สินค้าเดียวกันซึ่งแต่ละรายจะมีสินค้าอยู่มากน้อยเท่าใดก็ได้ แต่สินค้าทั้งหมดจะถูกนำไปยังจุดหมายปลายทางเดียวกัน ความรับผิดชอบในการ บรรจุสินค้าในตู้สินค้าและ/ หรือนำสินค้าออกจากตู้สินค้าในลักษณะนี้จะอยู่กับผู้รับการขนส่งซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นบริษัทเรือ บางครั้งในวงการเรือเรียกตู้สินค้าชนิดนี้ว่าเป็นตู้ CFS เพราะต้องมีการนำสินค้ามาผ่านโกดังจัดแยกชนิดสินค้าก่อนที่จะทำการบรรจุ ใส่ตู้สินค้าหรือ ส่งไปยังจุดหมายปลายทาง
FCL,Full Container Load 
         ตู้สินค้าที่บรรจุสินค้าที่มีผู้ส่งและ/หรือผู้รับเป็นเจ้าของรายเดียว อยู่ในตู้สินค้าเดียวกัน ส่วนมากความรับผิดชอบในการบรรจุสินค้าในตู้สินค้า และ/หรือนำสินค้าออกจากตู้สินค้าจะอยู่กับผู้ส่งและ/หรือผู้รับนั้นๆ  บางครั้งในวงการเรือเรียกตู้สินค้าชนิดนี้ว่าเป็นตู้
CY เพราะสามารถรับและ/หรือส่งตู้ชนิดนี้ได้โดยไม่ต้องผ่านโกดัง
Bagged cargo 
สินค้าบรรจุถุง
Deck cargo    
สินค้าที่บรรทุกบนปากระวาง


อ้างอิง nertai.com/sara/view.php?No=1145
           http://www.google.com/





6/9/54

ส่ง Bill of Lading

Bill of Lading
ใบตราส่งสินค้า
  • เป็นตราสารที่ผู้รับขนสินค้าออกให้แก่ผู้ส่งสินค้า เพื่อแสดงว่าได้มีการรับสินค้าเพื่อนำส่งไปยังจุดหมายปลายทางที่ผู้ส่งสินค้ากำหนด ใบตราส่งสินค้ามีหลายชนิด เช่น
  • ใบตราส่งสินค้าทางทะเลเรียกว่า Ocean Bill of Lading ซึ่งมีลักษณะปลีกย่อยดังนี้ ใช้กับการขนส่งรวมรูปแบบต่อเนื่องหลายวิธีเข้าไว้ด้วยกัน เรียกว่า Multimodal Transport Document หรือ Combine Transportation Bill of Lading
  • ใช้ในการขนส่งที่ผู้รับสินค้าไม่ต้องนำต้นฉบับใบตราส่งไปขอรับสินค้า ซึ่งในทางปฏิบัติผู้รับสินค้าสามารถใช้สำเนาใบตราส่งไปขอรับใบสั่งปล่อยจากตัวแทนเรือได้ เรียกว่า Seaway Bill หรือ Express Bill ใบตราส่งประเภทนี้ผู้รับตราส่งจะต้องเป็นผู้นำเข้าโดยตรง และความรับผิดชอบของผู้รับขนส่งมีน้อยกว่าใบตราส่งประเภทอื่น
  • ใบตราส่งสินค้าทางอากาศเรียกว่า Air Way Bill
  • ใบตราส่งสินค้าทางรถไฟ เรียกว่า Railway Bill ใบตราส่งสินค้าที่สำคัญได้แก่

ใบตราส่งสินค้าทางเรือ (Bill of Lading)
ใบตราส่งสินค้าทางเรือเป็นเอกสารที่มีคุณลักษณะ 3 ประการ คือ
  • เป็นใบรับสินค้าที่ออกให้โดยสายเดินเรือหรือตัวแทนสายเดินเรือ ที่มีรายละเอียดของสินค้าที่จะทำการขนส่ง
  • เป็นสัญญาการขนส่งระหว่างผู้ส่งสินค้ากับผู้รับขนส่งสินค้า ว่าผู้รับขนส่งจะส่งสินค้าไปยังเมืองท่าปลายทางและจะส่งมอบให้แก่ผู้รับที่ผู้ส่งสินค้าได้ระบุไว้
  • เป็นเอกสารแสดงกรรมสิทธิ์ในสินค้าที่ขนส่งที่เปลี่ยนมือได้ (Negotiable) ของผู้ทรงสิทธิ์ ซึ่งผู้ทรงสิทธิ์จะใช้ในการขอรับสินค้าที่ท่าเรือปลายทาง หรือจะใช้ในการขายต่อสินค้าให้กับผู้รับซื้อช่วงในระหว่างการขนส่งก็ได้
ใบตราส่งสินค้าทางเรือมีดังนี้



ภาพ:ใบตรา.GIF
-ใบตราส่งสินค้าทางอากาศ (Air Way Bill)
        ใบตราส่งสินค้าทางอากาศเป็นเพียงใบรับสินค้าและสัญญาการขนส่งเท่านั้น
ข้อความใบตราส่งสินค้าทางอากาศมีดังนี้

 
ภาพ:ใบตรา.GIF
 
  • ใบตราส่งสินค้าที่ใช้กับการขนส่งรวมรูปแบบต่อเนื่องหลายวิธีเข้าไว้ด้วยกัน
        ใบตราส่งสินค้าที่ใช้กับการขนส่งรวมรูปแบบต่อเนื่องหลายวิธีเข้าไว้ด้วยกัน เรียกว่า Multimodal Transport Bill of Lading ใช้สำหรับการขนส่งที่รวมรูปแบบหลายรูปแบบเข้าด้วยกัน เช่น ขนส่งโดยรถยนต์ไปต่อเรือเดินสมุทรแล้วไปต่อเครื่องบินอีกทอดหนึ่งเป็นต้น ใบตราส่งสินค้าแบบ Multimodal Transport Bill of Lading มีรายละเอียดเหมือนกันกับใบตราส่งสินค้าทางทะเลเกือบทั้งหมด
ข้อความในใบตราส่งสินค้าแบบ Multimodal Transport Bill of Lading มีดังนี้
 
ภาพ:ขาย.GIF
โหมดการขนส่งที่ไม่ใช่ การขนส่งทางเรือ มีทั้งหมด 7 เทอม ประกอบด้วยเทอมเก่าคือ EXW (Ex Works), FAC (Free Carrier), CPT (Carriage Paid To), CIP (Carriage And Insurance Paid To), DAT (Delivered At Terminal ), DAP (Delivered At Place) และ DDP (Delivered Duty Unpaid) อีกโหมดหนึ่งคือการขนส่งทางทะเลและทางลำน้ำ ประกอบด้วย 4 เทอมซึ่งเป็นเทอมที่คุ้นเคยกันทั่วไปคือ FAS (Free Alongside Ship), FOB (Free On Board), CFR (Cost And Freight) และ CIF (Cost, Insurance and Freight)
DAT (Delivered At Terminal) เป็นเทอมใหม่ แทน DEQ (Delivered Ex Quay) จากข้อมูลเบื้องต้น เทอม DAT สามารถใช้กับการขนส่งแบบใดก็ได้รวมทั้งใช้ได้กับการขนส่งที่ต้องใช้ทั้งสอง โหมด สำหรับการส่งมอบสินค้านั้น ถือว่าผู้ขายได้ส่งมอบสินค้า เมื่อมีการขนถ่ายสินค้าลงจากยานพาหนะที่บรรทุก ไปไว้ยังที่ที่ผู้ซื้อจัดไว้ ณ อาคารขนถ่ายสินค้า ในท่าเรือหรือปลายทางตามที่ระบุไว้
DAP (Delivered At Place) เป็นเทอมใหม่แทน DAF (Delivered At Frontier), DES (Delivery Ex Ship), DEQ (Delivered Ex Quay) และ DDU (Delivered Duty Unpaid) ซึ่งทางหอการค้านานาชาติเห็นว่า เทอมเดิมทั้งสี่เทอมดังกล่าวค่อนข้างคล้ายกันมากแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย จึงยุบรวมกันเพื่อให้เกิดความสะดวกยิ่งขึ้น และตามข้อมูลเบื้องต้น ผู้ขายตามเทอม DAP จะต้องรับผิดชอบในค่าใช้จ่ายต่าง ยกเว้นค่าภาษีและพิธีการนำเข้า และต้องรับความเสี่ยงภัย จนสินค้าถึงจุดหมายปลายทาง
หมายเหตุเกี่ยวกับ Incoterms 2000 และ Incoterms 2010 ตามเอกสารของหอการค้านานาชาติ บันทึกให้เป็นที่รับทราบกันว่า บรรดาสัญญาซื้อขายที่ทำภายใต้ Incoterms 2000 ยังมีผลใช้บังคับได้ แม้จะล่วงเลยปี พ.ศ. 2555 ก็ตาม นอกเหนือจากนั้นการทำสัญญาซื้อขายสินค้าภายหลังจากนี้ คู่สัญญายังสามารถเลือกได้ว่าจะใช้เทอมการค้า ตามอินโคเทอม ฉบับก่อนฉบับใดก็ได้ แต่ต้องระบุไว้ในสัญญาให้ชัดแจ้ง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดข้อพิพาทขึ้น
คำแนะนำของหอการค้านานาชาติเกี่ยวกับใช้อินโคเทอม หอการค้านานาชาติให้คำแนะนำว่า ในการทำสัญญาซื้อขาย ผู้ซื้อและผู้ขายควรตกลงเลือกใช้เทอม ตามอินโคเทอมที่เหมาะสมกับสินค้าและวิธีการขนส่ง โดยสามารถศึกษาได้จากคำอธิบายและแนวทางในการใช้ Incoterms 2010 แต่ละเทอมได้จากเอกสารของหอการค้านานาชาติ (เป็นเอกสารลิขสิทธิ์พิมพ์จำหน่ายไม่ได้แจก) จึงเป็นเรื่องที่ผู้นำเข้าและส่งออกควรได้ศึกษาทำความเข้าใจกับ Incoterms 2010 เพื่อประโยชน์ในการเจรจาทำความตกลงซื้อขายให้เกิดประโยชน์สูง
INCOTERMS 2000
EXW ( .... ระบุสถานที่)
ผู้ขายไม่ต้องทำอะไรเลย เป็นหน้าที่ของผู้ซื้อที่จะต้องจัดการขนส่งสินค้าเองตั้งแต่ออกจากคลัง สินค้าของผู้ขาย ค่าใช้จ่ายและความเสี่ยงตกอยู่กับผู้ซื้อทั้งสิ้น ตั้งแต่ค่าใช้จ่ายในการผ่านด่านศุลกากรขาออก กระทั่งค่าใช้จ่ายในการขนของขึ้นรถที่มารับ ณ คลังสินค้าของผู้ขาย ทั้งนี้ เว้นแต่จะตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่น เช่นให้ผู้ขายส่งของขึ้นรถที่ผู้ซื้อจัดมาให้ด้วย
FCA ( .... ระบุสถานที่ )
ผู้ขายส่งสินค้าให้ถึงจุดหรือสถานที่รับสินค้าที่อยู่ภายใต้ความอารักขาของผู้รับขนสินค้า เช่น Container Freight Station, Cargo Terminal ที่ท่าอากาศยาน หรือ สถานีรถไฟ ฯลฯ โดยเป็นหน้าที่ของผู้ขายในอันที่จะจัดการเพื่อส่งออกด้วย (เช่น ขอใบอนุญาต ในกรณีที่ต้องมีใบอนุญาตส่งออก รวมทั้งผ่านพิธีการศุลกากร) Terms นี้ จะใช้สำหรับการขนส่งทุกชนิด ทั้งทางบกหรือและอากาศ รวมทั้งการขนส่งหลายรูปแบบ โดยเฉพาะทางเรือจะเกี่ยวเนื่องกับการส่งของโดย container ด้วยวิธีที่เรียกว่า RO-RO ( roll on – roll off ) ไม่มีการยกสินค้าขึ้นเรือโดยใช้ปั้นจั่น แต่เป็นการขนส่งสินค้าไปถึงจุดรับสินค้าของผู้รับขนส่ง เช่น CFS ถ้าการส่งมอบสินค้ากระทำที่สถานที่ของผู้ขายเอง ผู้ขายต้องรับผิดชอบในการเอาของขึ้นบรรทุกยานพาหนะที่มารับด้วย แต่ถ้าการส่งมอบกระทำ ณ สถานที่อื่น ผู้ขายจะไม่ต้องรับผิดชอบในการนำของลงจากยานพานะที่ใช้ขนสินค้าไป ฯลฯ
FAS ( .... ระบุท่าต้นทาง)
ผู้ขายส่งสินค้าให้ถึงข้างลำเรือที่ท่า หากเรือทอดสมออยู่กลางทะเลก็ต้องลำเลียงโดยเรือเล็กไปจนถึงข้างเรือใหญ่ กรณีนี้ ผู้ขายต้องจัดการส่งออกให้เรียบร้อย กล่าวคือทั้งเสียอากรขาออกและขอใบอนุญาตส่งออก ฯลฯ ซึ่งต่างกับ Incoterms 1990 ฉบับเดิมอย่างพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ เพราะตามฉบับที่แล้ว ผู้ซื้อต้องจัดการทำพิธีการส่งออกเอาเอง
FOB ( .... ระบุท่าต้นทาง)
ผู้ขายส่งสินค้าให้ถึงบนเรือ และความเสี่ยงจะเปลี่ยนข้างจากผู้ขายไปตกอยู่กับผู้ซื้อตั้งแต่วินาทีที่สินค้าถูกยกข้ามพ้นกราบเรือ (ship's rail) ไปเหนือลำเรือแล้ว ภาระในการส่งออก (เช่น การขอใบอนุญาต การชำระค่าอากรขาออก ฯลฯ) เป็นของผู้ขายที่จะต้องจัดการให้เสร็จสิ้น Terms นี้ใช้สำหรับการส่งของทางเรือแบบดั้งเดิม (conventional) โดยการยกสินค้าขึ้นเรือ หรือที่เรียกกันว่า LO-LO (Lift on – Lift off)
CFR ( .... ระบุท่าปลายทาง)
(โปรดสังเกตว่าเงื่อนไขนี้ เดิมใช้กันว่า C&F)
เช่นเดียวกันกับ FOB ข้างบน หากแต่ว่าผู้ขายต้องชำระค่าระวางในการขนส่งทางเรือด้วย มีข้อที่น่าสังเกตคือ ถึงแม้ผู้ขายจะต้องรับภาระเรื่องค่าระวางถึงปลายทางก็ตาม แต่ความเสี่ยงของฝ่ายผู้ขายนี้จะอยู่แค่กราบเรือที่ต้นทาง เหมือนกับกรณีของ FOB เท่านั้นเอง ว่าอีกอย่างหนึ่ง Cost (ค่าใช้จ่าย) ของผู้ขายไปถึงท่าปลายทาง (เสียค่าระวาง) แต่ Risk (ความเสี่ยง) ของผู้ขายจะสิ้นสุดที่กราบเรือเท่านั้นเอง ถ้าเป็นการส่งสินค้าโดยมิได้มียกของข้ามกราบเรือ จะต้องใช้เงื่อนไข CPT ซึ่งจะกล่าวต่อไป
CIF ( .... ระบุท่าปลายทาง)
เช่นเดียวกับ CFR ทุกประการ เพียงแต่เพิ่มให้ผู้ขายต้องจัดการเอาประกันภัยให้กับสินค้าที่ขนส่ง ด้วยการชำระเบี้ยประกันจนถึงปลายทางด้วยเท่านั้น และต้องไม่ลืมว่าความเสี่ยงของผู้ขายจะมีถึงจุดเหนือกราบเรือ เช่นเดียวกับเงื่อนไข FOB หรือ CFR เท่านั้น เลยไปแล้วเป็นเรื่องของผู้ซื้อ
CPT ( .... ระบุท่าปลายทาง)
เป็น term ใหม่ ใช้มาตั้งแต่ Incoterms 1990 สำหรับการขนส่งทุกรูปแบบ รวมทั้ง multimodal transport ด้วย มีความหมายใกล้เคียงกันกับ CFR ซึ่งให้ใช้แต่เฉพาะการขนส่งทางเรือนั่นเอง แต่สำหรับเงื่อนไข CPT นี้ ผู้ขายต้องส่งมอบสินค้าให้กับผู้รับขนส่ง (Carrier) ณ สถานที่รับของ ไม่ต้องส่งของขึ้นเรือ
CIP ( .... ระบุท่าปลายทาง)
เช่นเดียวกับ CPT ทุกประการ แต่เพิ่มภาระให้ผู้ขายต้องเอาประกันภัยด้วย ถ้าจะว่าไปแล้ว ความหมายของ CIP ก็ใกล้เคียงกับ CIF จะต่างกันก็ตรงที่ CIP ใช้ได้กับการขนส่งทุกรูปแบบ ตลอดจน multimodal transport แต่ CIF ใช้กับการขนส่งทางเรือเท่านั้น
DAF ( .... ระบุสถานที่)
สำหรับ การขนส่งสินค้าโดยผู้ขายไปจนถึงพรมแดนของประเทศโดยผ่านด่านศุลกากรขาออกของ ประเทศผู้ขายไปแล้ว แต่ยังไม่ผ่านด่านศุลกากรขาเข้าของประเทศผู้ซื้อ ค่าใช้จ่ายและความเสี่ยงเป็นของผู้ขายไปถึงจุดที่ว่านั้น ณ พรมแดน ทั้งนี้ เว้นจะตกลงกันเป็นอย่างอื่น
DES ( .... ระบุท่าปลายทาง)
ผู้ขายต้องรับภาระค่าใช้จ่ายและความเสี่ยง จนกระทั่งเรือไปถึงและเทียบท่าปลายทางความรับผิดชอบนี้จะจำกัดอยู่แค่นั้น โดยสินค้ายังอยู่บนเรือ สำหรับการขนของลงจากเรือและค่าใช้จ่ายตลอดจนความเสี่ยงอื่น ๆ ที่ตามมา เป็นเรื่องของผู้ซื้อแต่ลำพังเพียงผู้เดียว
DEQ ( .... ระบุท่าปลายทาง)
เหมือนกันกับ DES ข้างบน หากแต่ผู้ขายต้องขนส่งสินค้าลงที่หน้าท่าให้ด้วย ต่อจากนั้นจึงเป็นภาระของผู้ซื้อ ค่าอากรขาเข้าและภาระในการขอใบอนุญาตนำเข้า (ถ้าจำเป็นต้องมี) ผู้ซื้อต้องจัดการเอง เงื่อนไขนี้ เดิมใน Incoterms 1990 ผู้ขายหรือผู้ซื้อฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจะจ่ายก็ได้ แล้วแต่จะตกลงกัน (แต่ปกติแล้วผู้ขายต้องจ่าย) คราวนี้เปลี่ยนเป็นให้ผู้ซื้อจ่ายอย่างเดียว
DDU ( .... ระบุสถานที่ปลายทาง)
ผู้ขายจะต้องขนส่งสินค้าไปจนถึงสถานที่ที่ผู้ซื้อกำหนดในประเทศปลายทาง เช่นให้ส่งที่คลังสินค้าของผู้ซื้อไม่ว่าจะตั้งอยู่ที่ไหน ในประเทศปลายทางดังกล่าว แต่ถ้าตกลงกันว่าให้ส่งมอบสินค้าในบริเวณท่าเรือปลายทางก็ควรใช้เงื่อนไข DES หรือ DEQ แทน ในการนี้ผู้ขายจะจัดการขนส่งสินค้าไปจนถึงสถานที่ที่จะส่งมอบ แต่เป็นหน้าที่ของผู้ซื้อที่จะต้องจัดการขนสินค้าดังกล่าวลงจากยานพาหนะที่ไปส่งสินค้าเอง อย่างไรก็ตาม ทางฝ่ายผู้ซื้อต้องชำระค่าอากรขาเข้าตลอดจนภาษีอื่น ๆ ของประเทศที่นำสินค้าเข้าเองด้วย
DDP ( .... ระบุสถานที่ปลายทาง)
ผู้ขายต้องรับภาระสูงสุด (และราคาก็สูงสุดเหมือนกัน)เพราะฝ่ายผู้ซื้อไม่ต้องทำอะไรและไม่ต้องจ่ายค่าอากรขาเข้าด้วย เป็นหน้าที่ของผู้ขายที่จะต้องเหมาหมด การขนสินค้าลงจากยานพาหนะที่ไปส่งก็เป็นหน้าที่ของผู้ซื้อเช่นเดียวกันกับภายใต้เงื่อนไข DDUและถ้าตกลงจะส่งมอบกันในบริเวณท่าเรือ ก็ให้ใช้เงื่อนไข DES หรือ DEQ แทนเหมือนกันกับกรณี DDU ที่กล่าวแล้ว ภายใต้เงื่อนไข DDP นี้ ราคาสินค้าต่อหน่วยจะแพงที่สุด เพราะผู้ขายต้องรับภาระทุกอย่าง
ที่มา http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php/%E0%B9%83%E0%B8%9A%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%87